Phoenix IPSC World

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: คำถามที่นำมาเขียน


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
คำถามที่นำมาเขียน
Permalink  
 


1. การยิงนัดที่สองครับ ยิงนัดแรกไปนัดที่สองเราควรมองยังไงหรือดึงปืนยังไงให้เข้าเป้าเร็วที่สุด ครับ

2. การลดการกระตุกไกนัดที่สอง ควรทำอย่างไรครับ เพราะยังไงเราก็กระตุกไกกันทุกคนแน่นอนแต่ทำให้มันน้อยที่สุดได้ยังไง ครับ

3. การมองเป้าว่าเป้าที่เรายิงไปไม่อยู่ในโซน เอ แล้วยิงซ้ำนี้ เราจะรู้ตั้งแต่ตอนยิงหรือว่ายิงแล้วมาดูครับ เห็นหลายคนบอกว่ารู้ตั้งแต่ตอนลั่นไกแล้วว่าไม่เข้าโซน เอ อันนี้ฝึกยังไงเหรอ

ขออนุญาตนำคำถามที่ถามผมมาเขียนเพื่อให้อ่านกันนะครับ โดยที่ผมจะไม่ลงชื่อผู้ถามเพื่อความสบายใจของคนถามครับ

1.ยิงนัดแรกไปนัดที่สองเราควรมองยังไงหรือดึงปืนยังไงให้เข้าเป้าเร็วที่สุด ครับ

คำถามข้อแรกนี้มีคนคิดไม่เหมือนกันนะครับ บางคนคิดว่าต้องล็อกปืนให้แน่นเพื่อที่ปืนจะไม่กระดกมากแล้วจะทำให้ยิงนัดที่ 2 ได้เร็วขึ้น ส่วนบางคนคิดว่าไม่ต้องล็อกปืนให้แน่นก็สามารถยิงได้เร็วได้

ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจตรงกันว่ายิงให้เร็วในนัดที่ 2 นั้นหมายถึงว่าเร็วและแม่นด้วย จึงรวมคำถามทั้ง 2 คำนี้เป็นคำถามเดียวกันว่ายิงนัดที่ 2 ให้เข้าเป้าเร็วที่สุด

ในความคิดของผม(ถูกผิดลองพิจารณาดูครับ) ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ ยิงได้เร็ว..และ....แม่นยำ เพื่อความชัดเจนเรามาแยกให้ชัดเจนลงไปอีกทีนะครับ

ยิงได้เร็ว...มี 2 ส่วนคือปืนที่ยิงได้เร็วและคนยิงๆได้เร็ว(เข้าเป้าด้วย) ผมจะอธิบายแยกออกจากกันเป็นช่วงๆดังนี้ครับ

ปืนยิงได้เร็ว....หมายถึงปืนที่สามารถเหนี่ยวนัดต่อไปได้เร็ว ปืนดีๆ(ปืนที่ไม่มีปัญหา) กระบอกหนึ่งที่จะสามารถยิงได้เร็วนั้น ปืนกระบอกนั้นต้องทำงานครบระบบหรือครบวงจรของมันให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย ยกตัวอย่างในระบบการทำงานของปืน 1911 นั้นคำว่าครบวงจรคือเมื่อยิงไปแล้ว สไลด์ถอยหลังและนำลูกใหม่เข้าไปในรังเพลิงและสไลด์ปืนต้องปิดสนิทให้เรียบร้อยก่อนที่จะสามารถยิงนัดต่อไปได้ ถ้าปิดไม่สนิทต้องไม่สามารถยิงได้

ถ้าเป็นปืนที่ซื้อหากันมาโดยทั่วไปจะสามารถทำงานได้ตามที่เขียนและปืนโดยทั่วไปก็สามารถยิงได้เร็วเท่าที่นิ้วเราสามารถกระดิกได้โดยไม่มีปัญหา เพราะการทำงานของมันนั้นเร็วมากๆ ในเมืองไทยมีคนยิงนัดที่ 2 ได้ด้วยเวลาเพียง 0.11 วินาทีซึ่งผมว่าเร็วมากแล้วปืนก็ยังทำงานได้ตามปรกติ ดังนั้นผมเองก็ไม่ทราบว่าเราต้องกระดิกนิ้วเร็วเท่าไหร่เพื่อทำให้ปืนดีๆหนึ่งกระบอกยิงไม่ออกเพราะทำงานไม่ทันความเร็วของนิ้วเรา...ย้ำว่าในปืนปรกตินะครับ....ดังนั้นเรื่องปืนยิงได้เร็วนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ยกเว้นปืนที่แต่งมันซึ่งผมจะไม่พูดถึงเพราะผมเคยลองแต่งมันจนปืนทำงานไม่ทันนิ้วผม(ทดลองเล่นๆครับ)

ทีนี้ คนยิงได้เร็ว...หมายถึงตัวบุคคลผู้ยิง เราจะยิงให้เร็วได้อย่างไร เราตัดเรื่องความแม่นออกไปก่อนครับ เอาเฉพาะเรื่องยิงให้เร็ว

เชื่อหรือไม่ครับว่าการที่จะยิงให้เร็วโดยไม่คำนึงถึงความแม่นยำ ขอแค่ให้เร็วอย่างเดียวบางคนทำไม่ได้หรือบางคนทำได้บ้าง ไม่ได้ บ้างครับ หลายๆคนเข้าใจว่าง่ายแต่มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เข้าใจ

ผมให้วิธีองง่ายๆเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ผมพูแล้วถ้าสงสัยก็ไปลองดูครับ ชวนเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง ทั้ง 2 คนบรรจุลูกให้เต็มแม็กกาซีน(ยิ่งมากยิ่งดี) แล้วไปยิงใส่กองดินที่ปลอดภัยสักที่ดูครับ ปืนบรรจุลูกปลดเซฟกำไว้ในมือเล็งไปที่กองดินโดยไม่มีเป้า เมื่อได้ยิงสัญญาณก็ยิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิงรวดเดียวจนหมดแม็กกาซีนดู(ยิงทีละคน) แล้วลองเช็กดูความเร็วดูครับว่า ใครเหนี่ยวนิ้วได้เร็วกว่ากันโดยไม่มีจังหวะสะดุด ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือครับเพราะทุกอย่างเหมือนกัน แค่ใครเหนี่ยวไกได้เร็วและลื่นกว่ากันเท่านั้นเอง ยิ่งถ้าคุณลองต่อไปโดยมีเป้าเข้ามาเกี่ยวมันก็ยิ่งยากขึ้นครับ

วิธีการที่คุณจะยิงได้เร็วคือ ผ่อนคลายครับ อย่าเกร็งเพราะถ้าเกร็งกล้ามเนื้อจะล็อค ซึ่งคุณอาจจะได้ยินบางคนพูดว่านิ้วแข็ง เป็นต้น

ทีนี้พูดถึงว่าเร็วและแม่นด้วย ถ้าในคำถามคือ ดึงปืนอย่างไรให้เข้าเป้าเร็วที่สุด

คำถามนี้ต้องย้อนกลับไปที่ว่าล็อคปืนให้แน่นเพื่อที่จะยิงได้เร็ว โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อแบบนั้นครับเพราะการล็อคปืนให้แน่นๆนั้นก้จะทำให้นิ้วแข็งอย่างที่เขียนไว้ สำหรับผมๆกลับคิดว่าทำยังไงให้ปืนกลับมาที่ตำแหน่งยิงเก่าของผมให้เร็วที่สุด อ่านแล้วอาจะจะเหมือนแต่มันแตกต่างครับ

การล็อคปืนให้แน่นเพื่อลดการสะบัดเงยของปืนลงดังที่เข้าใจนั้นเราต้องอาศัยแรงบีบและล็อค ดังนั้นเราจะเห็นว่าบางคนเวลายิงปืนงี้บีบเกร็งแบบสุดๆ แต่ผมเชื่อว่าบีบปืนแบบพอสมควรไม่ให้ปืนมันหลุด บีบปืนแบบปานกลางก็น่าจะเพียงพอและทำให้ปืนกลับมาที่เล็งได้เร็วกว่าด้วย เหตุผลของผมเป็นแบบนี้นะครับ(ลองคิดดูดีๆ)

ปืนเมื่อเรายิงลูกกระสุนออกไป สไลด์นั้นก็จะถอยหลังมาตรงๆโดยไม่เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาเพราะมันจะต้องวิ่งอยู่ในร่องของโครงปืน(เถียงไม่ได้แน่ๆ555) ในระหว่างการถอยก้จะเกิดแรงรีคอยล์หรือแรงอัดของแก๊สทำให้เกิดแรงที่ทำให้ปืนเตะขึ้นด้านบนเนื่องจากแรงส่งของสไลด์(เถียงไม่ได้อีกละ) (หมายเหตุ...คิดดูเล่นๆว่า..ถ้าสไลด์ไปอยู่ข้างใต้แทนที่จะอยู่ด้านบน ปืนจะเตะลงล่างหรือจะเตะขึ้นบน) เมื่อมันถอยมาจนสุดนั่นคือจุดที่สุงสุดของการเตะขึ้นของปืนยกเว้นจากแรงเฉื่อยที่ยังส่งต่อมา พอสไลด์ถอยสุดแล้ว สไลด์ก็ต้องดันไปข้างหน้าตรงๆด้วยแรงของรีคอยล์สปริงที่อยู่ในสไลด์ซึ่งสไลด์ก็จะต้องวิ่งกลับไปตรงๆโดยไม่เลี้ยวซ้ายขวาเช่นกันเพราะวิ่งในรางสไลด์และสปริงวิ่งในแกนไกล์รอลด์ ดังนั้นสไลด์ต้องวิ่งไปตรงๆด้วยแรงส่งของสปริงพุ่งไปข้างหน้า สปริงยิ่งแข็ง(ค่าเคสูง) สไลด์ก็ปิดยิ่งเร็วและแรงตามค่าของสปริง เมื่อสไลด์พุงไปข้างหน้าลำกล้องปืนก็จะทิ่มหัวลงด้วยแรงส่งและแรงเฉื่อยที่ตามมา ลำกล้องก็จะพุงลงล่างและดีดกลับขึ้นมาจากการกริปปืนของเรา ซึ่งถ้าคุณดูจากกล้องแบบสโลว์โมชั่นคุณจะเห็นปืนมันกลับมาตั้งนานแล้วก่อนที่คุณจะเหนี่ยวไกนัดต่อไป (ถ้าเจอคลิปที่ถ่ายไว้จะนำมาให้ดูครับ)

ถ้าคุณอ่านมาทั้งหมดและคุณเห็นด้วยในสิ่งที่ผมเขียนว่ากลไกของปืนมันไม่ไปซ้ายไปขวด้วยตัวมันเองละก็ อะไรละที่ทำให้เวลาเรายิงกระสุนนัดต่อไปแล้วทำห้มันวิ่งไปซ้ายไปขวา

คำตอบในความคิดผม(ถ้าถูก) ก็คือแรงกริปปืน, การเหนี่ยวไก, การยืน และอื่นๆของเราที่กระทำกับปืนทำให้มันยิงไปซ้ายมั้ง ขวามั้ง แต่ถ้าจากปืนล้วนๆมันต้องเกิดแค่สูงและต่ำในแนวที่ใกล้เคียงกัน....ถ้าคุณเห็นด้วยก็อ่านต่อครับ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ลองพิจารณาหาทางอื่นเอาครับ เพราะผมไม่ได้ถูกเสมอไปแต่ผมเชื่อแบบนี้จริงๆ (จากช่วงที่ผมหยุดยิงแบบจริงจังทำให้ได้ลองและคิดลองเพื่อศึกษา)

ดังนั้นผมจะสรุปแบบนี้สำหรับคำถามข้อแรก

  1. กริปปืนแบบกลางๆไม่แรงจนเกินไป ถ้าคิดเป็น%ละก็ สัก 50%ก็เพียงพอ
  2. พยายามอย่าให้มีแรงกระทำกับปืนมากเกินความจำเป็น
  3. ปล่อยให้ปืนทำงานไปเองโดยที่เรามีหน้าที่มองศูนย์และเหนี่ยวไกปืนให้ตรงๆ

ผมมีวิธีการให้ทำเพื่อเรียนรู้แบบนี้ครับ บรรจุกระสุนให้เต็มแม็กกาซีนคุณ หาเป้ากระดาษ 1 ตัวและเพื่อนหนึ่งคนมาช่วย

วางเป้า 1 ตัวห่างจากคุณสัก 8 เมตรก่อน ปืนโหลดแล้วจ่อไปที่เป้าแล้วเริ่มด้วยการยิงแบบปั้น X ช้าๆยิงไปให้ร้อยรูไปเลย เมื่อยิงไปจนเพื่อนคุณเห็นแม่นอยู่ที่แล้วก็ให้เขาบอกคุณเร่งเร็วขึ้น คุณก็เหนี่ยวไกเร็วขึ้นอีกนิด (ค่อยๆเพิ่มความเร็วทีละนิด) ยิงไปแล้วถ้ากลุ่มยังดีอยู่เพื่อนคุณก็จะเร่งคุณขึ้นไปอีกนิด ค่อยๆเร็วขึ้นไปจนหมดแม็กกาซีน ในการยิงของคุณที่มีเพื่อนช่วยนั้น คุณมีหน้าที่มองศูนย์และเหนี่ยวไกไปพร้อมทั้งหาความรู้สึกของมือคุณว่า คุณทำอะไรกับปืนในมือคุณ คุณผลักปืนไปซ้ายขวาหรือเปล่า คุณเหนี่ยวไกดีหรือไม่ พยายามอย่ากริปปืนแน่นเกินไป กริปแบบสบายๆแล้วคุณจะเห็นว่าปืนนั้นจะกลับลงมาใกล้เคียงในแนวเดิม ส่วนสูงต่ำนั้นจะเกิดจากจังหวะลั่นไกว่าศูนย์หน้าคุณต่ำมากไปหรือสูงไปเท่านั้น ถ้าเกิดมีกระสุนที่วิ่งไปซ้ายขวามากไปมันบอกว่าคุณต้องมีการใช้แรงกระทำกับปืนคุณจนปากลำกล้องวิ่งไปซ้ายหรือขวา(การยืนก็มีส่วน) บีบมือซ้ายแน่นไป, เหนี่ยวไกด้วยข้อนิ้วที่ติดกับฝ่ามือ กระสุนจะออกซ้าย, นิ้วโป้งซ้ายผลักปืนหรือกริปมือขวาแน่นเกินกระสุนจะออกขวา เป็นต้น

ค่อยๆทำ ค่อยๆศึกษาดู ผมว่ามันสนุกดีที่ได้ลองและศึกษาครับ ขอจบข้อแรกก่อนนะครับ คำถาม 1 ข้อผมก็เขียนไปบานเลย บางครั้งถ้ามีเวลาและอารมณ์เขียน ผมจะสนุกมากเลยที่ได้เขียนให้คนอื่นได้อ่านจากการที่ผมได้ศึกษามา อย่าคิดว่าผมมาอวดครับ คิดว่าผมเอาสิ่งที่ผมเข้าใจมาแบ่งกันรับรู้ ถ้าคิดว่าใช่คุณได้ประโยชน์ ถ้าคิดว่าไม่ใช่คุณก็ลองหาวิธีที่ใช่แล้วคุณก็จะได้พัฒนาต่อยอดไปครับ.....แล้วค่อยมาตอบข้ออื่นต่อไปครับ



-- Edited by Phoenix on Tuesday 29th of March 2011 04:59:44 PM

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
Permalink  
 

2. การลดการกระตุกไกนัดที่สอง ควรทำอย่างไรครับ เพราะยังไงเราก็กระตุกไกกันทุกคนแน่นอนแต่ทำให้มันน้อยที่สุดได้ยังไง ครับ

คำถามข้อนี้ต้องบอกว่าเราบางครั้งกระตุกไกปืนก็จริงอยู่แต่ไม่ได้กระตุกกันตลอดเวลาหรือทุกครั้งในการยิงนัดที่ 2 หรอกครับ เอาเป็นว่าเรายิงแบบเดินไกหยาบขึ้นมากกว่าในการยิงเร็ว ลองพิจารณาในเรื่องที่ผมจะอธิบายนี้ดูนะครับ เวลาเรายิงแข่งขันเราจะยิงเร็วกว่าการปั้น X เพราะในการปั้น X นั้นเราจะค่อยๆเดินไกในขณะที่เรากั้นลมหายใจด้วยเพื่อให้ปืนอยู่นิ่งที่สุด แต่ในการยิงเร็วเราไม่สามารถทำแบบนั้น

คุณเคยสังเกตุหรือไม่ว่าเป้าหลายๆเป้าจะมีกระสุนห่างกันไม่ไกลนัก บางเป้าอาจจะจับคู่อยู่แบบชิดกันมากด้วย แบบนี้ไม่ได้หมายถึงว่าเรากระตุกไก เพราะถ้าเรากระตุกไกตำแหน่งกระสุนจะตกลงที่ตำแหน่ง 7 - 8 นาฬิกาของจุดเล็งมากพอสมควร ถ้าลงมาที่ 6 นาฬิกาหรือถ้ากระสุนอยู่ที่ประมาณ 10 - 14 นาฬิกาแบบนั้นจะเรียกว่ากระตุกไกไม่ได้ครับ ดังนั้นเราต้องเข้าใจก่อนครับว่าคนยิงเร็วๆไม่ได้จะต้องกระตุกไกเสมอไป แน่นอนครับมีบ้างแต่ไม่ตลอดเวลาดังที่เข้าใจครับ

ถ้าคุณเชื่อว่าที่ผมอธิบายมาถูกต้องเพราะดูจากเป้าที่คุณยิงแล้วก็มาดูว่าที่ผมจะเขียนต่อไปนั้นต่างกับที่คุณคิดยังไงและลองพิจารณาแลกเปลี่ยนกันนะครับ

การยิงเร็วๆและแม่นนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างความแม่นยำและความเร็ว ยิงยิ่งเร็วความแม่นยำยิ่งลดลงเพราะมีโอกาสคลาดเคลื่อนกันมากขึ้น มากเท่าไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่ายิงมามากแค่ไหน ซ้อมมามากแค่ไหน ถูกทางดีหรือไม่ ถูกทางก็เปลืองเงินและเวลาน้อยหน่อย ไม่ถูกก็เปลืองมากหน่อย แต่ต่อให้ยิงมาไม่ถูกทางแต่ซ้อมมากๆๆๆๆคุณก็จะยิงได้ดีขึ้นอย่างแน่นอนเพราะเกิดทักษะจากการผลาญกระสุนครับ ทำบ่อยๆก็จะทำได้ดีขึ้นไปตามเวลาและจำนวนกระสุน...แต่เปลืองสุดๆ

ทีนี้เรามาว่ากันต่อเพื่อให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ผมเขียนแต่แรกแล้วว่าการยิงเร็วก็คือการเหนี่ยวไกแบบหยาบๆมากกว่าการกระตุกไก การเหนี่ยวไกแบบหยาบๆนั้นจะหยาบสักขนาดไหน ก็ต้องตอบว่าแล้วแต่ระยะของเป้าที่เรายิง ลองไปอ่านในที่ผมเขียนเรื่องการยิงว่าเป้ามีหลายแบบและต้องเลือกยิงในแต่ละแบอย่างไร

เขียนมาถึงตรงนี้ยังไม่ได้ตอบโจทย์ที่ถามเพราะต้องการให้เข้าใจแบบชัดๆนะครับ อย่าคิดว่าผมเขียนแบบดูถูกนะครับ เพราะผมอยากให้เข้าใจแบบชัดๆเพราะเชื่อว่ายังไม่เข้าใจหลักของมัน มาอ่านต่อดูว่าควรจะทำอย่างไรต่อครับ

กระสุนที่เรายิงออกไปทุกนัดจะถูกหรือผิดจากที่เราต้องการนั้นเรื่องแรกที่เราต้องการคือ การมองเห็นศูนย์ปืนดีดออกจากตำแหน่งยิง นี่เป็นข้อแรกที่จะต้องพยายามทำให้ได้ครับ ซึ่งข้อนี้ก็จะไปถึงคำตอบข้อ 3 ด้วยครับ เมื่อเราเห็นแล้วผมยืนยันได้เลยว่ามันจะช่วยให้กลุ่มกระสุนที่คุณยิงดีขึ้นอย่างแน่นอน (ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายต่อว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร)
การลั่นไกนั้นถ้าใครยิงปั้นไม่ได้ดีละก็อย่าหวังที่จะยิงเร็วได้ดีครับ เพราะคนที่ยิงเร็วได้ดีทุกคนจะยิงปั้นได้ดีทั้งนั้นครับ ส่วนจะดีแค่ไหนก็แล้วแต่บุคคลแต่ที่แน่ๆคือสามารถยิงเพลท 8 นิ้วที่ 15 เมตรได้ทุกคน ถ้าให้เขาปั้นเอาว่า 10 นัดโดนไม่ต่ำกว่า 8 เป็นอย่างต่ำครับ ทำไมถึงเอาเพลท 8 นิ้วมาคิดเพราะโซน A ในเป้า IPSC มันยาวกว่ามากครับ ถ้าเขายิงเพลท 8 นิ้วโดนเขาก็ยิงโซน A ได้อย่างสบายๆเลย เมื่อเขาปั้นโดนแบบง่ายๆเพราะเขาเหนี่ยวไกเป็น เขาก็สามารถที่จะยิงได้เร็วขึ้น ยิงได้เร็วแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่ละคน ลองนึกดูนะครับว่าถ้าเขาเล็งตรงกลางของเพลทเขาจะมีพื้นที่ให้เขาผิดพลาดได้ 4 นิ้วในทุกด้าน ดังนั้นเขาสามารถที่จะเดินไกได้เร็วกว่าการปั้น X หรือแบบ 5 นัด 6 วินาที เพราะนั่นต้องการกลุ่มกระสุนเป็นกระจุกเล็กๆ ผมเห็นบางคนยิงบางเป้าอยู่แต่วง 10 เท่านั้นซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กมากน่าจะประมาณ 1 1.5 นิ้ว นั่นคือหลักการเดียวกันครับและผมมั่นใจมากๆเลยว่าคนที่ยิงแบบนั้นสามารถเห็นศูนย์ปืนเขาได้ทุกนัดเพราะถ้าไม่เห็นเขาจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนคุณมีคนทำแบบนั้นได้(ยิงเป็นกลุ่มสัก 5 นิ้วก็ได้) ลองให้เขาช่วยมองตาคุณ (ใส่แว่นใสๆ)เวลาที่คุณยิงปั้นดูครับว่าคุณกระพริบตาหรือไม่ ถ้าคุณยังกระพริบตาอยู่คุณจะไม่สามารถยิงกลุ่มกระสุนของคุณเวลายิงเร็วๆอย่างแน่นอนครับ เพราะถ้าคุณมองไม่เห็นศูนย์เนื่องจากคุณกระพริบตาแล้วคุณจะรู้หรือว่าศูนย์หน้ามันอยู่สูงหรือต่ำกว่าศูนย์หลังมากน้อยแค่ไหน เรายิงเร็วสิ่งที่เราเห็นคือ เมื่อศูนย์หน้าตกลงในร่องบากของศูนย์หลังเราก็จะเหนี่ยวไก ศูนย์หน้านั้นอาจจะตกต่ำกว่าหรือสูงกว่ามากหรือน้อยในเวลาที่เราเหนี่ยวไกก็แล้วแต่ระยะของเป้าว่าใกล้หรือไกล ถ้าใกล้ค่าคลาดเคลื่อนก็สามารถทำได้มากกว่าเป้าที่อยู่ไกล นั่นก็คือเหตุผลที่เป้าใกล้ยิงได้เร็วกว่าเป้าไกล(ต้องการศูนย์ละเอียดขึ้น ทำให้ยิงช้าลง) ถ้าคุณมองเห็นสิ่งหนึ่งที่คุณจะตัดไปได้คือ แนวกระสุนสูงต่ำมากจากจุดยิง ผมถึงบอกว่ามองเห็นศูนย์จะช่วยให้คุณยิงกลุ่มได้ดีขึ้นเพราะค่าสูงต่ำจะลดลง

กลุ่มที่ไปซ้ายและขวา ถ้ามันไปซ้ายและขวา, บนหรือล่าง จากจุดยิงของเราในระยะความยาวของ 1 นิ้วชี้นั้น ผมถือว่าดีแล้วเพราะเมื่อเรายิงเร็วๆมันก็จะมีค่าความคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งระยะ 1 นิ้วชี้นั้นถ้าคุณวัดจากศูนย์กลางของโซน A มันจะอยู่ในโซน A ครับ (ยกเว้นแนวบน) ส่วนถ้ามันไปถึงโซน C หรือ D ก็ต้องบอกว่ามันคลาดเคลื่อนจาก 4 สาเหตุคือ

1. เรากริปปืนไม่ดี คือ ผลักปืนไปมา
2. เราเดินไกไม่ดี คือ เรากระตุก, เราเหนี่ยวไกแรง เป็นต้น
3. เราวาดปืนมาที่เป้าแล้วยังไม่ทันนิ่งเราก็ยิงนัดแรกไป เมื่อยิงนัดที่ 2 ปืนก็จะแกว่งไปหยุดอีกตำแหน่งหนึ่ง กรณีนี้สังเกตุได้จากนัดแรกจะอยู่ที่โซน C หรือ D ในด้านที่วาดปืนมาหาเป้าแล้วนัดที่ 2 ยิงตามมาด้วย A หรือ นัดแรกยิงได้โซน A ตามมาด้วยโซน C หรือ D ของอีกฝั่งของเป้า สาเหตุเพราะปืนยังไม่นิ่งเราก็เหนี่ยวไกแล้ว
4. เกิดจากการยืนที่ไม่สเถียร
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าปัญหาการกระตุกไกนั้นเป็น 1 ใน 4 ข้อเท่านั้น ครั้งหน้าไปซ้อมที่สนามแล้วลองสังเกตุดูว่ามันเกิดจากข้อใดข้อ 1 ใน 4 ข้อครับ ซึ่งในข้อเหล่านี้ก็จะทำให้กลุ่มกระสุนมีปัญหา

ทีนี้มาถึงว่าจะซ้อมเหนี่ยวไกอย่างไรเพื่อที่จะไม่กระตุกหรือให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้....ขอพักอีกทีครับ


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
Permalink  
 

ทีนี้มาถึงว่าจะซ้อมเหนี่ยวไกอย่างไรเพื่อที่จะไม่กระตุกไกหรือกระตุกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
การเหนี่ยวไกในขณะซ้อมแห้งกับยิงจริงนั้นมันแตกต่างกันมากนะครับ แต่ซ้อมแห้งย่อมดีกว่าไม่ซ้อมครับ

ในการซ้อมเหนี่ยวไกของปืนแบบ Production นั้นมันย่อมแล้วแต่ชนิดของปืนเช่น CZ, Glock เป็นต้น
ปืน 2 ยี่ห้อนี้ทำงานแตกต่างกันแต่ก็มีสิ่งที่ทำได้มีส่วนหนึ่งที่คล้ายกันคือ หาจังหวะรีเซ็ทของไกปืน
โดยเฉพาะ CZ นั้นนัดแรกจะยาวและหนักส่วนนัด 2 นั้นจะหวืดเข้ามาเลย

ผมสอนลูกผมซ้อม CZ แบบนี้ครับ นัดแรกชักปืนจากซองเมื่อเข้าแนวเป้าแล้วให้เหนี่ยวไกจนง้างขึ้นมาก่อนแล้วค่อยลั่นไก เมื่อเหนี่ยวนัดที่ 2 ให้แค่คืนไกไปนิดเดียวแล้วก็เหนี่ยวต่อ วาดเป้าแล้วก็เหนี่ยวแบบขยับนิ้วนิดเดียวไปจนจบ เมื่อเริ่มใหม่ก็ทำแบบเดิมครับเพื่อหาจังหวะเปลี่ยนของไกดับเบิ้ลเป็นซิงเกิ้ล

เดี๋ยวนี้เวลาชักปืนเขาจะเหนี่ยวไกง้างนกระหว่างนำปืนขึ้นมาสู่เป้า การทำแบบนี้มีโอกาสจะพลาดได้ง่ายๆเพราะปืนจะลั่นก่อน ดังนั้นถ้าจะง้างในวิธีการนี้คุณต้องซ้อมจนมั่นใจว่าคุณรู้จังหวะไกปืนของคุณ แต่มันก็ยังมีโอกาสพลาดนะครับ ดังนั้นควรจะคิดให้ดีก่อนทำการซ้อมแบบนี้

ส่วนปืน Glock นั้นตรงไปตรงมาคือมีไกน้ำหนักเดียว ดังนั้นการซ้อมแห้งก็มีแค่หาความแตกต่างระหว่างนัดแรกที่ต้องลากไกเข้ามายาวกับระยะรีเซ็ทของไกในนัดที่ 2

อีกสิ่งหนึ่งที่คนยิงปืนกล็อกควรสนใจคือ คนที่ยิงมือขวาถ้าไม่ชินจริงๆกระสุนมักจะตกไปทางซ้ายของเป้า ดังนั้นเวลาซ้อมควรจะสนใจตรงจุดนี้ด้วยครับ

แต่หัวใจจริงๆของการยิงปืนนั้นผมว่า 4 ข้อที่ผมเขียนและการมองเห็นศูนย์ นั้นสำคัญที่สุดของการยิงปืนครับ

ไว้เรามาต่อคำถามที่ 3 กันตอนว่างครับ


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
Permalink  
 

3. การมองเป้าว่าเป้าที่เรายิงไปไม่อยู่ในโซน เอ แล้วยิงซ้ำนี้ เราจะรู้ตั้งแต่ตอนยิงหรือว่ายิงแล้วมาดูครับ เห็นหลายคนบอกว่ารู้ตั้งแต่ตอนลั่นไกแล้วว่าไม่เข้าโซน เอ อันนี้ฝึกยังไงเหรอ

ในข้อนี้ต้องตอบแยกกันออกเป็น 2 เรื่องครับ

1. ถ้าคำว่ารู้ตั้งแต่ตอนเหนี่ยวไกแล้ว..มันเกิดจากเห็นศูนย์อยู่ในโซน A แต่เราเหนี่ยวไกไม่ดีทำให้มันไปที่อื่น แบบนี้เรียกว่ารู้...ว่าเราเหนี่ยวไกไม่ดี

2. รู้ตั้งแต่ตอนเหนี่ยวไกแล้วว่า....ศูนย์ปืนไม่ได้อยู่ในโซน A แต่ยังคงเหนี่ยวไก(เหนี่ยวไกดี) แบบนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เห็นไหมครับว่ามันดูเหมือนคล้ายกัน แต่ในความเป็นจริงมันก็ยังมีข้อที่แตกต่างกันในรายละเอียด ผมแถมอีกข้อหนึ่งคือ เราเห็นศูนย์อยู่ในโซนที่ต้องการและเราเหนี่ยวไกดี แต่เราวาดปืนก่อนที่กระสุนจะออกไปจากลำกล้อง มันก็ไปในที่ๆเราไม่ต้องการ ผมแยกตรงนี้มาไว้ท่อนนี้เพราะมันไม่อยู่ในคำถาม

แบบที่หนึ่งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ แต่ผมเชื่อว่าถ้าเป็นมือดีๆและยิงอยู่ใน.....ระดับความสามารถของตนเอง....เหตุการณ์นี้จะเกิดน้อยครับ ซึ่งอาจจะเกิดการโต้แย้งเพราะหลายๆคนเข้าใจว่าเรายิงแล้วกลุ่มกระสุนไปทั่วเป้านั้นเกิดจากเรากระตุกไกเลยเป็นเช่นนั้น ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ครับ

แน่นอนครับเรายิงเร็วๆมีโอกาสคลาดเคลื่อนในการเหนี่ยวไกทุกคนและตลอดเวลาที่เหนี่ยวไก ไม่เฉพาะยิงเร็วครับ ยิงแบบปั้น X ก็เป็นเหมือนกัน เพราะถ้ายิงช้าไม่เป็นละก็กลุ่มกระสุนต้องแน่นเป็นแบบ 100 คะแนนเต็ม แน่นอนครับปืนและกระสุนก็มีส่วนแต่คงไม่ใช่ปั้นจาก X แล้วไปหลุดที่วง 7 หรือ 8 แน่ในระยะใกล้ๆ นี่จริงมีการฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันและเขาจึงมีการจัดว่า มือใหม่, มือทั่วไป หรือ มือโปร แบบนี้เป้นต้น มือยิ่งสุงความผิดพลาดต้องน้อยลง ไม่ใช่ไม่ผิดพลาดครับ แต่ต้องทำให้ผิดพลาดน้อยที่สุดครับ

ในการยิงเร็วก็มีคลาดเคลื่อนในการเหนี่ยวไกเช่นกัน แต่ความคลาดเคลื่อนนั้นมากกว่าการยิงช้าเพราะเราต้องการความเร็ว แต่เป็นการคลาดเคลื่อนที่เรายอมรับในระยะที่เราสามารถยิงในโซนที่เราต้องการเช่น ข้างบนของโซน A หรือ ข้างล่างของโซน A แต่ต้องถามว่าแบบนี้เราจะเรียกว่ากระตุกไกหรือไม่ มันอยู่ในโซนที่ต้องการจริงแต่มันห่างกันมากเลยระหว่างบนและล่าง

ดังนั้นเราต้องแยกคำว่ากระตุกไกออกครับ จริงๆแล้วนักกีฬาที่ฝีมือดีๆจะรู้ว่าเขากระตุกไกจริงครับ รู้ทันทีที่เหนี่ยวไกออกไป ไม่ใช่รู้จากศูนย์ปืน มันแตกต่างกันครับ การรู้จากศูนย์ปืนนั้นรู้หลังจากเหนี่ยวไกไปแล้ว รู้จากการเหนี่ยวไกนั้นจะรู้ทันทีที่เขาเหนี่ยวออกไป แต่การจะรู้แบบนี้ต้องเป็นนักกีฬาฝีมือดีจริงๆ ยิงปืนมามากครับ แต่คนที่รู้จากศูนย์ปืนนั้นอันนี้ง่ายกว่ามาก ยิงมาระดับหนึ่งก็สามารถทำได้แล้วครับ

การกระตุกไกส่วนใหญ่เกิดจากการที่คุณเริ่มที่จะยิงเร็วกว่าความสามารถของคุณ เมื่อคุณจะยิงเร็วๆจากการที่จะเหนี่ยวไกเร็วมันกลายเป็นเหนี่ยวไกแรงไปด้วย แบบนี้เราไม่ได้กระตุกเราผลักไกแทนครับและส่วนใหญ่ถ้าคุณสังเกตุมันจะไปทางซ้ายมือสำหรับคนยิงมือขวา ดังนั้นสิ่งที่เราฝึกซ้อมคือจังหวะครับ คุณจะเห็นนักกีฬาหลายๆคนเขาเหนี่ยวไปเรื่อยๆโดยไม่ค่อยมีเป้าอะไรมากมายนัก จริงๆพวกมือดีๆเหล่านี้เขายิงหาจังหวะมากกว่าครับ เขายิงจนเก่งแล้วแต่สิ่งที่เขาซ้อมคือ จังหวะและการมอง มากกว่า

การแก้การกระตุกไกไม่ยากครับ ถ้าคุณมาถึงข้อที่ 2 ในนี้คือการมองเห็น ผมย้ำเรื่องการมองเห็นมาตลอดเวลา เราจะยิงอะไรได้ถ้าเรามองไม่เห็น เราจะรู้ได้ไงว่ายิงถูกหรือไม่ถ้าเรามองไม่เห็น ฝรั่งเขาเขียนไว้ว่า

You can shoot as fast as you can see และ You need to see what you need to see no more and no less

ดังนั้นผมย้ำเสมอว่าคุณจะเป้นนักกีฬาที่เก่งได้ก็ต่อเมื่อคุณสามารถมองเห็นได้เท่านั้น ถ้าคุณยังมองไม่เห็น คุณยังไม่มีทางที่จะเป็นนักกีฬาที่เก่งได้

หลายๆครั้งที่คนเข้าใจว่าตัวเองกระตุกไกซึ่งบางครั้งมันเกิดจากการเห็นเสียมากกว่า เมื่อคุณมองไม่เห็น คุณก็ไม่รู้ว่าจะยิงตรงไหนก็เลยสักแต่ว่าเหนี่ยวไกออกไป ถ้าจะดัดจริตต้องบอกว่า You do not see what you need to see คือคุณมองไม่เห็นในสิ่งที่คุณต้องเห็นเช่น เมื่อคุณลั่นไกออกไปแล้วคุณกระพริบตาเพราะตกใจกับเสียงปืน Flinch คุณก็จะไม่เห็นสิ่งที่ควรจะเห็น ผมแนะนำคนยิงปืนหลายๆคนและในทุกคนที่ผมยิงด้วยถ้าผมถามว่าเห็นศูนย์เวลาที่เรายิงจริงๆหรือไม่ ทุกคนมักจะบอกว่าเห็น แต่ถ้าถามต่อไปว่าเห็นอะไรเมื่อคุณเหนี่ยวไก คำตอบก็คือผมเห็นศูนย์ในโซน A แต่พอเวลายิงออกไปแล้วมันกับไปที่ C หรือ D ก็ไม่ทราบและถ้าให้ยิงใหม่โดยสังเกตุตาเขาให้ดีๆจะเห้นได้เลยว่าทุกคนกระพริบตาเวลายิง ดังนั้นสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่สิ่งที่เห็นจริงๆ สิ่งที่เขาเห้นคือสิ่งที่เกิดก่อนที่เขาจะยิงไม่ใช่ในขณะที่ยิง เมื่อยิงนัดแรกออกไปแล้วพอศูนย์ปืนตกลงมาเขาก็เหนี่ยวไกออกไปโดยไม่รู้ว่าเขายิงอะไร ยิงที่ไหน เพราะเขาไม่เห็นศูนย์ขณะเหนี่ยวไก ดังนั้นกระสุนจึงไปในที่ๆเขาไม่รู้ว่าไปไหนเช่น บางครั้งแนวตรงแต่ต่ำลงมามากที่ 6 นาฬิกา บางครั้งไปอยู่บนมากที่ 13 นาฬิกาเป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ถ้ายิงมือขวาจะไปอยู่แถว 7-10 นาฬิกา

วิธีที่จะรู้ว่าเราเห็นจริงหรือไม่ในขณะที่เรายิงจริงๆ ไม่ก่อนหรือหลังเรายิงก็คือ

เอาเป้า 1 ตัววางห่างจากเราสัก 9-10 เมตร หาเพื่อนมาสักคนยืนข้างเราถือเป้าไว้อีกหนึ่งตัว เมื่อเรายิงออกไป 2 นัดเร็วเท่าที่เราจะทำได้ พอยิงเสร็จปุบให้เพื่อนเราเอาเป้านั้นรีบบังสายตาเราแล้วให้เราชี้ตำแหน่งที่กระสุนไปตกบนเป้า ดูว่าเราชี้ถูกต้องหรือไม่ว่านัดที่ 1 ไปไหนและนัดที่ 2 ไปไหน ถ้าคุณชี้ได้ถูกต้องก็เปลี่ยนเป็นเป้า 2 ตัววางห่างกันแล้วยิงเป็น 4 นัดลองขานดูครับว่า 1-4 นั้นคือนัดไหน ถ้าคุณชี้ถูกแสดงว่าคุณเห็นแต่ถ้าคุณชี้ไม่ถูกแสดงว่าคุณไม่เห็นหรือคุณไม่ได้มองสิ่งที่คุณควรมอง นักกีฬามือสูงทุกคนจะเห็นครับว่าเขายิงไปที่ไหน ได้โซนอะไร(แน่นอนครับ บางครั้งก็ไม่เห็นเพราะไม่มอง เพราะรีบดังนั้นเขาจึงยิงมิส) ถ้าจะใช้ศัพท์ที่คุณเห็นฝรั่งเขาเรียกกันก็คือ Calling Shot ครับ

เดี๋ยวมาต่อให้จบอีกทีครับ

ผมเขียนไปเรื่อยๆถี่บ้าง ห่างบ้าง ตามแต่เวลาที่มีและอารมณ์การเขียน นะครับ
ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ก็เข้ามาอ่านดูเป็นระยะครับ บางคำถามนิดเดียวแต่ผมเขียนยาวเหยียดเลยเพราะต้องการให้ชัดเจน ส่วนจะถูกหรือผิดผมให้คุณผู้อ่านเป้นผู้พิจารณาเองครับ


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
Permalink  
 

เมื่อไหร่ที่คุณเห็นศูนย์อยู่ในที่หนึ่งแต่กระสุนไปอีกที่หนึ่งแล้วคุณขานผิด หลักๆก็คือคุณเห็นศูนย์นั้นก่อนจะยิงแต่คุณเห็นไม่จบ คุณไม่เห็นศูนย์มันโดดขึ้นจริงๆจากเป้า คุณอาจจะผลักไก, กระตุกไกหรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ศูนย์ปืนมันเคลื่อนจากจุดที่คุณเห็น แต่คุณไม่ได้ตามดุมันจนปืนคุณลั่นออกไป ถ้าคุณตามมันไปจนมันลั่นออกไป จุดที่คุณเห็นมันลั่นออกไปนั่นแหละคือจุดที่กระสุนตก ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลที่ว่าเห็นว่ามันผิดเพราะศูนย์ ไม่ได้เห็นเพราะเรารู้ตัวว่ากระตุกไก

ดังนั้นผมถึงเขียนตั้งแต่เริ่มต้นว่ามันมีทั้ง 2 แบบ คือแบบที่รู้จากการเหนี่ยวไกและแบบที่รู้จากการมองศูนย์
ผมขอจบคำถามทั้งหมดไว้ตรงนี้นะครับและถ้ามีคำถามอื่นค่อยมาตอบกันภายหลังครับ บางท่อนบางตอนอาจจะอ่านแล้วไม่ต่อเนื่องกันเท่าไหร่เพราะผมเขียนแบบตามเวลาที่ตัวเองมี พอมาเขียนต่อมันเลยอาจจะโดดไปมาครับ


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 221
Date:
Permalink  
 

ผมเขียนไปและอ่านไปรู้สึกว่ามีผมเขียนอยู่แต่เพียงผู้เดียว ขอบอกก่อนนะครับว่าเวปนี้ไม่ใช่เป้นของผมแต่เพียงผู้เดียวและไม่ใช่ว่าผมเก่งเพียงคนเดียว มีหลายๆคนที่เข้ามาอ่านเก่งกว่าผมแต่ปล่อยให้ผมพล่ามไปคนเดียว ผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ ดังนั้นถ้ายังไงช่วยกันตอบแทนผมด้วยก็จะดีนะครับ

ผมอยากให้ที่นี่เป็นที่ศึกษาสำหรับนักกีฬารุ่นใหม่ๆเพื่อตัดทอนเวลาที่จะเสียไปจากการเริ่มต้นที่ถูกทาง ดังนั้นถ้ามีคนสนใจอ่านและสนใจถาม สนใจโต้แย้งก็จะดีครับ เอาไว้เพื่อการเรียนรู้จริงๆ ไม่มี สองแง่สองง่ามเหมือนเวปอื่นครับ

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard